Body Project Official

6 วิธีเผาผลาญไขมันเร็วขึ้น

1. เพิ่มกิจกรรม NEAT (Non-Exercise Activity Thermogenesis)

นอกจากการออกกำลังกายแบบจริงจังแล้ว การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างวัน เช่น เดินขึ้นบันได, ลุกเดินระหว่างทำงาน, ทำงานบ้าน มีผลต่อการเผาผลาญแคลอรี่รวมต่อวันมาก งานวิจัยพบว่า NEAT สามารถสร้างความแตกต่างถึง 200–500 kcal/วัน ได้เลย

2. ฝึกเวทเทรนนิ่ง (Resistance Training)

การสร้างกล้ามเนื้อช่วยเพิ่ม Basal Metabolic Rate (BMR) หรือพลังงานที่ร่างกายใช้ตอนพัก เนื่องจากกล้ามเนื้อต้องใช้พลังงานในการคงอยู่ ยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก การเผาผลาญไขมันพื้นฐานยิ่งสูงขึ้น

3. ใช้ High-Intensity Interval Training (HIIT)

HIIT ช่วยเพิ่มการเผาผลาญทั้งระหว่าง และหลังออกกำลังกาย (EPOC – Excess Post-exercise Oxygen Consumption) งานวิจัยเปรียบเทียบแล้วพบว่า HIIT เผาผลาญไขมันได้ดีกว่าคาร์ดิโอแบบ Steady-State ในเวลาที่เท่ากัน

4. ปรับสมดุลโปรตีนในอาหาร

การกินโปรตีนเพียงพอ (ประมาณ 1.6–2.2 g ต่อน้ำหนักตัว 1 kg) ไม่เพียงช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อระหว่างลดไขมัน แต่ยังมี Thermic Effect of Food (TEF) สูงกว่าไขมัน และคาร์บ (โปรตีนใช้พลังงานย่อยถึง ~20–30% ของแคลอรี่ที่กินเข้าไป)

5. จัดการการนอนหลับ

งานวิจัยแสดงชัดว่าการนอนน้อย (<6 ชม.) มีผลทำให้ฮอร์โมนความหิว (ghrelin) เพิ่ม และฮอร์โมนอิ่ม (leptin) ลดลง ส่งผลให้ร่างกายอยากกินอาหารมากขึ้น และสะสมไขมันง่ายขึ้น การนอนเต็มที่ 7–9 ชม. ต่อคืนช่วยให้การเผาผลาญไขมันมีประสิทธิภาพ

6. เพิ่มการใช้ไขมันผ่านการจัดการโภชนาการ

- จำกัดน้ำตาล และอาหาร Ultra-Processed
- กินคาร์บเชิงซ้อน (Whole Grains, ผัก, ผลไม้) เพื่อควบคุมอินซูลิน
- เว้นช่วงการกิน (Time-Restricted Eating) อาจช่วยควบคุมพลังงานรวม งานวิจัยบางชิ้นพบว่า การเว้นช่วงกิน (Intermittent Fasting) ช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้ไขมันเป็นพลังงาน แต่ผลขึ้นกับ Lifestyle และ Adherence

Hormone & Fitness

เมื่อพูดถึง Hormone & Fitness ฮอร์โมนถือเป็นตัวกำหนด “โค้ดลับ” ของร่างกายที่มีผลโดยตรงต่อการสร้างกล้ามเนื้อ (Muscle Building) และลดไขมัน (Fat Loss) ต่อไปนี้คือฮอร์โมนหลักๆ ที่ควรรู้จัก:
 
ฮอร์โมนหลักที่เกี่ยวข้องกับการสร้างกล้ามเนื้อ
1. Testosterone (เทสโทสเตอโรน)
– ฮอร์โมนเพศชายหลัก แต่พบในผู้หญิงเช่นกัน (ปริมาณน้อยกว่า)
– ช่วยกระตุ้นการสร้างโปรตีน (Protein Synthesis) เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และแรง (Strength)
– การออกกำลังกายแบบ Compound Movement (Squat, Deadlift, Bench Press) และการนอนหลับเพียงพอช่วยกระตุ้นได้ดี
2. Growth Hormone (GH) & IGF-1
– หลั่งมากตอนนอนหลับลึก
– กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
– ฝึก HIIT, เวทเทรนนิ่งหนักๆ และนอนให้เพียงพอช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนนี้
3. Insulin
– เป็น “ฮอร์โมนเก็บพลังงาน”
– มีบทบาททั้งดีและเสีย → ถ้าจัดการอินซูลินได้ดี (Insulin Sensitivity สูง) ร่างกายจะเก็บสารอาหารไปสร้างกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น
– แต่ถ้าอินซูลินสูงตลอด (จากการกินน้ำตาล/แป้งขัดสีบ่อย) จะสะสมไขมันง่าย
 
ฮอร์โมนหลักที่เกี่ยวข้องกับการลดไขมัน
1. Cortisol (คอร์ติซอล)
– ฮอร์โมนความเครียด ถ้าอยู่ในระดับพอดีช่วยกระตุ้นพลังงาน แต่ถ้าเรื้อรังสูงเกินไป → ทำให้ร่างกายเก็บไขมัน (โดยเฉพาะหน้าท้อง) และสลายกล้ามเนื้อ
– จัดการด้วยการพักผ่อนเพียงพอ ลดความเครียด และไม่ฝึกหนักเกินไป
2. Leptin (เลปติน)
– ฮอร์โมนความอิ่ม ส่งสัญญาณไปสมองว่าพลังงานพอแล้ว
– ถ้าร่างกายดื้อต่อเลปติน (Leptin Resistance) จะกินเกินความจำเป็นง่าย → ควบคุมด้วยการกินอาหารคุณภาพสูง ไม่กินแปรรูปมาก
3. Ghrelin (เกรลิน)
– ฮอร์โมนความหิว หลั่งสูงเมื่อร่างกายขาดพลังงาน หรืออดอาหารนานเกินไป
– การกินอาหารโปรตีนสูง ไฟเบอร์ และนอนหลับเพียงพอช่วยควบคุมได้
4. Adrenaline & Noradrenaline
– ฮอร์โมนที่หลั่งเวลาออกกำลังกาย หรืออยู่ในภาวะตื่นตัว → กระตุ้นการสลายไขมันมาใช้เป็นพลังงาน
การบาลานซ์ฮอร์โมนเพื่อฟิตเนส
– การนอนหลับ: ฮอร์โมน Anabolic (Testosterone, GH) หลั่งช่วงนอนลึก
– โภชนาการ: โปรตีนคุณภาพสูง + คาร์บเชิงซ้อน + ไขมันดี → ช่วยรักษาสมดุลอินซูลิน และเลปติน
– การจัดการความเครียด: ลด Cortisol เพื่อไม่ให้ขัดขวาง Muscle Gain และ Fat Loss
– การออกกำลังกาย: เวทเทรนนิ่ง → กระตุ้น Testosterone & GH และคาร์ดิโอแบบ HIIT → กระตุ้น Adrenaline, เพิ่มการเผาผลาญ