เราคือผู้ให้บริการด้านการออกกำลังกายเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปร่างแบบครบวงจร ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ดูแลโดยโค้ชธันและโค้ชแพรว ประสบการณ์มากกว่า 9 ปี การันตีการเทรนนักเรียนมามากกว่า 300 คน เรามีบริการทั้งยิมแบบเทรนส่วนตัว, เทรนออนไลน์แบบมีโค้ชส่วนตัวให้คำแนะนำ, คลาสออกกำลังกายออนไลน์ และจำหน่ายสินค้าฟิตเนส
เพราะเรารู้ดีว่าการมีรูปร่างที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรงเป็นสิ่งที่สำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเมื่อมาเทรนกับ “Body Project”
เรามีโค้ชมืออาชีพที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่มีมาตรฐาน พร้อมที่จะดูแลนักเรียนแบบใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวิเคราะห์ร่างกาย ออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายและโปรแกรมอาหารรายบุคคลให้ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตประจำของนักเรียน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักเรียนไว้วางใจมาเทรนกับเราเป็นจำนวนมาก
“หุ่นสวย สุขภาพดี มาเทรนที่ BODY PROJECT”
ยิมส่วนตัวพร้อมเทรนแบบตัวต่อตัวทุกคลาส โดยโค้ชมืออาชีพที่มีประสบการณ์ และได้รับการรับรองจากสถาบันที่มีมาตรฐาน
เทรนออนไลน์แบบมีโค้ชดูแลส่วนตัว ที่จะออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายและโปรแกรมโภชนาการแบบรายคน พร้อมให้คำปรึกษาตลอดระยะคอร์ส เหมือนมีโค้ชอยู่ข้างๆ
คลาสออกกำลังกายออนไลน์แนวใหม่ หนึ่งเดียวในไทย ทำตามได้ง่าย แบบไม่ใช้อุปกรณ์ อยู่ที่ไหนก็ออกกำลังกายได้
เทรนออกกำลังกายกับโค้ช ผ่าน VIDEO CALL เทรนที่บ้านก็ฟิตได้ไม่แพ้ที่ยิม ออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายและโปรแกรมโภชนาการ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดระยะคอร์ส
ยิมส่วนตัวพร้อมเทรนแบบตัวต่อตัวทุกคลาส โดยโค้ชมืออาชีพที่มีประสบการณ์ และได้รับการรับรองจากสถาบันที่มีมาตรฐาน
เทรนออนไลน์แบบมีโค้ชดูแลส่วนตัว ที่จะออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายและโปรแกรมโภชนาการแบบรายคน พร้อมให้คำปรึกษาตลอดระยะคอร์ส เหมือนมีโค้ชอยู่ข้างๆ
เทรนออกกำลังกายกับโค้ช ผ่าน VIDEO CALL เทรนที่บ้านก็ฟิตได้ไม่แพ้ที่ยิม ออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายและโปรแกรมโภชนาการ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดระยะคอร์ส
คลาสออกกำลังกายออนไลน์แนวใหม่ หนึ่งเดียวในไทย ทำตามได้ง่าย แบบไม่ใช้อุปกรณ์ อยู่ที่ไหนก็ออกกำลังกายได้
🧠 ทุกเรื่องเกี่ยวกับ ครีเอทีน (Creatine)
รู้ไหมว่า “ครีเอทีน” ไม่ใช่แค่ของสายกล้าม แต่คือโมเลกุลพลังงานระดับเซลล์
ในร่างกายของเรา ครีเอทีน (Creatine) ทำหน้าที่เก็บ และส่งต่อพลังงานให้ “ATP” แหล่งพลังงานหลักของกล้ามเนื้อและสมอง
เมื่อคุณออกกำลังกายหนักๆ หรือใช้แรงระเบิดเร็ว เช่น Sprint / Weight Training / HYROX
ATP จะหมดภายในไม่กี่วินาที ตรงนี้แหละที่ครีเอทีนฟอสเฟต (Phosphocreatine) เข้ามาช่วยเติมพลังงานให้ทันที
ผลที่เห็นจริงทางวิทยาศาสตร์
• เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ (Strength & Power Output)
• ช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังเทรนหนัก
• เพิ่มมวลกล้ามเนื้อแบบลีน
• เสริมการทำงานของสมองในช่วงที่ต้องใช้พลังงานสูง
• มีงานวิจัยรับรองมากที่สุดในหมู่อาหารเสริมฟิตเนส
ปริมาณแนะนำ:
2–4 กรัมต่อวัน (ไม่จำเป็นต้องโหลด) กินได้ทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
รูปแบบที่แนะนำ:
Creatine Monohydrate รูปแบบที่มีการศึกษามากที่สุด ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุดวัน
สมัครเทรนออนไลน์👇🏻
line: @bodyproject (มี@)
...
อยาก “อายุยืน” ไม่ใช่แค่มีชีวิตยาวนาน แต่ต้อง “อยู่แบบแข็งแรง มีคุณภาพ”
6 ศาสตร์พื้นฐานที่ช่วยให้ร่างกายชะลอวัยจากภายใน (Anti-aging แบบยั่งยืน)
1️⃣นอนให้เพียงพอ – ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ และฮอร์โมนตอนหลับ
2️⃣กินให้เหมาะสม – ลดน้ำตาล ทานผัก โปรตีนดี และคุมแคลอรี่
3️⃣ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – สร้างกล้ามเนื้อ รักษามวลกระดูก และระบบไหลเวียน
4️⃣จัดการความเครียด – เพราะฮอร์โมนเครียดคือ ศัตรูของความอ่อนเยาว์
5️⃣สร้างความสัมพันธ์ที่ดี – คนรอบตัวส่งผลต่อสุขภาพใจโดยตรง
6️⃣หลีกเลี่ยงสารอันตราย – เช่น บุหรี่ แอลกอฮอล์ มลภาวะ หรือสารเคมีสะสม
การ “ชะลอวัย” ไม่ได้อยู่ที่ครีมหรืออาหารเสริมเท่านั้น แต่คือ “ระบบชีวิต” ที่เราดูแลมันทุกวัน❤️
สมัครเทรนออนไลน์👇🏻
line: @bodyproject (มี@)
...
แชร์ท่าวอร์มอัพแบบ Dynamic Stretching ที่เหมาะกับการเตรียมร่างกายก่อนเวทเทรนนิ่งได้ครบทุกส่วน💪🏻 ...
เล่น Leg Raise ยังไงให้ถูกต้อง✅ ...
Sarcopenia คืออะไร?
Sarcopenia (ภาวะมวลกล้ามเนื้อลดลงตามอายุ) คือภาวะที่ร่างกายสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ, แรงกล้ามเนื้อ และสมรรถภาพในการทำงานของกล้ามเนื้อไปตามอายุ โดยมักเริ่มเกิดตั้งแต่อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป และจะชัดเจนขึ้นหลังอายุ 50–60 ปีขึ้นไป ภาวะนี้ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรง เคลื่อนไหวช้าลง สมดุลแย่ลง เสี่ยงหกล้ม และมีผลต่อสุขภาพโดยรวม เช่น การเผาผลาญลดลง เสี่ยงโรคเบาหวาน ความดัน และโรคเมตาบอลิกต่างๆ
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด ได้แก่:
• การเสื่อมตามอายุ: ฮอร์โมน เช่น เทสโทสเตอโรน และโกรทฮอร์โมนลดลง
• ขาดการใช้งานกล้ามเนื้อ: ไม่ออกกำลังกาย โดยเฉพาะการฝึกแรงต้าน
• โภชนาการไม่เพียงพอ: ได้โปรตีนไม่พอ หรือร่างกายดูดซึมได้น้อยลง
• โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน, ภาวะดื้ออินซูลิน, โรคหัวใจ, มะเร็ง
• การอักเสบเรื้อรัง ที่มักเกิดมากขึ้นในผู้สูงอายุ
วิธีป้องกัน และชะลอ Sarcopenia
1. ออกกำลังกายแบบแรงต้าน (Resistance Training)
- การยกเวท, ใช้ยางยืด, Bodyweight
- ควรทำอย่างน้อย 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ และรักษาแรง
2. ออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Training)
- เดินเร็ว, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน หรือวิ่ง
- ช่วยให้หัวใจ และระบบไหลเวียนดีขึ้น เสริมสมรรถภาพ และลดการอักเสบ
3. โภชนาการที่เหมาะสม
- โปรตีน: ประมาณ 1.2–1.6 กรัม/กก. น้ำหนักตัว/วัน
- เลือกแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ ปลา นมถั่วเหลือง เวย์โปรตีน
- วิตามิน และแร่ธาตุ: วิตามิน D, แคลเซียม, โอเมก้า-3 มีบทบาทสำคัญต่อการรักษากล้ามเนื้อ
4. รักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสม
- ภาวะอ้วน (ไขมันแทรกในกล้ามเนื้อ) และผอมเกินไป (ขาดสารอาหาร) ล้วนเพิ่มความเสี่ยง
5. การนอนหลับ และการฟื้นฟู
- นอนหลับคุณภาพดี 7–9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซม และสร้างกล้ามเนื้อทำงานเต็มที่
6. การตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์
- ผู้ที่อายุมาก หรือมีโรคประจำตัวควรตรวจวัดมวลกล้ามเนื้อ, Strength Test (เช่น Handgrip Strength) และปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬา
สมัครเทรนออนไลน์👇🏻
line: @bodyproject (มี@)
...
6 วิธีเผาผลาญไขมันเร็วขึ้น (Science-based)
1. เพิ่มกิจกรรม NEAT (Non-Exercise Activity Thermogenesis)
นอกจากการออกกำลังกายแบบจริงจังแล้ว การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างวัน เช่น เดินขึ้นบันได, ลุกเดินระหว่างทำงาน, ทำงานบ้าน มีผลต่อการเผาผลาญแคลอรี่รวมต่อวันมาก งานวิจัยพบว่า NEAT สามารถสร้างความแตกต่างถึง 200–500 kcal/วัน ได้เลย
2. ฝึกเวทเทรนนิ่ง (Resistance Training)
การสร้างกล้ามเนื้อช่วยเพิ่ม Basal Metabolic Rate (BMR) หรือพลังงานที่ร่างกายใช้ตอนพัก เนื่องจากกล้ามเนื้อต้องใช้พลังงานในการคงอยู่ ยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก การเผาผลาญไขมันพื้นฐานยิ่งสูงขึ้น
3. ใช้ High-Intensity Interval Training (HIIT)
HIIT ช่วยเพิ่มการเผาผลาญทั้งระหว่าง และหลังออกกำลังกาย (EPOC – Excess Post-exercise Oxygen Consumption) งานวิจัยเปรียบเทียบแล้วพบว่า HIIT เผาผลาญไขมันได้ดีกว่าคาร์ดิโอแบบ Steady-State ในเวลาที่เท่ากัน
4. ปรับสมดุลโปรตีนในอาหาร
การกินโปรตีนเพียงพอ (ประมาณ 1.6–2.2 g ต่อน้ำหนักตัว 1 kg) ไม่เพียงช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อระหว่างลดไขมัน แต่ยังมี Thermic Effect of Food (TEF) สูงกว่าไขมัน และคาร์บ (โปรตีนใช้พลังงานย่อยถึง ~20–30% ของแคลอรี่ที่กินเข้าไป)
5. จัดการการนอนหลับ
งานวิจัยแสดงชัดว่าการนอนน้อย (<6 ชม.) มีผลทำให้ฮอร์โมนความหิว (ghrelin) เพิ่ม และฮอร์โมนอิ่ม (leptin) ลดลง ส่งผลให้ร่างกายอยากกินอาหารมากขึ้น และสะสมไขมันง่ายขึ้น การนอนเต็มที่ 7–9 ชม. ต่อคืนช่วยให้การเผาผลาญไขมันมีประสิทธิภาพ
6. เพิ่มการใช้ไขมันผ่านการจัดการโภชนาการ
- จำกัดน้ำตาล และอาหาร Ultra-Processed
- กินคาร์บเชิงซ้อน (Whole Grains, ผัก, ผลไม้) เพื่อควบคุมอินซูลิน
- เว้นช่วงการกิน (Time-Restricted Eating) อาจช่วยควบคุมพลังงานรวม งานวิจัยบางชิ้นพบว่า การเว้นช่วงกิน (Intermittent Fasting) ช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้ไขมันเป็นพลังงาน แต่ผลขึ้นกับ Lifestyle และ Adherence
สมัครเทรนออนไลน์👇🏻
line: @bodyproject (มี@)
...
เมื่อพูดถึง Hormone & Fitness ฮอร์โมนถือเป็นตัวกำหนด “โค้ดลับ” ของร่างกายที่มีผลโดยตรงต่อการสร้างกล้ามเนื้อ (Muscle Building) และลดไขมัน (Fat Loss) ต่อไปนี้คือฮอร์โมนหลักๆ ที่ควรรู้จัก:
🧬ฮอร์โมนหลักที่เกี่ยวข้องกับการสร้างกล้ามเนื้อ
1. Testosterone (เทสโทสเตอโรน)
- ฮอร์โมนเพศชายหลัก แต่พบในผู้หญิงเช่นกัน (ปริมาณน้อยกว่า)
- ช่วยกระตุ้นการสร้างโปรตีน (Protein Synthesis) เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และแรง (Strength)
- การออกกำลังกายแบบ Compound Movement (Squat, Deadlift, Bench Press) และการนอนหลับเพียงพอช่วยกระตุ้นได้ดี
2. Growth Hormone (GH) & IGF-1
- หลั่งมากตอนนอนหลับลึก
- กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
- ฝึก HIIT, เวทเทรนนิ่งหนักๆ และนอนให้เพียงพอช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนนี้
3. Insulin
- เป็น “ฮอร์โมนเก็บพลังงาน”
- มีบทบาททั้งดีและเสีย → ถ้าจัดการอินซูลินได้ดี (Insulin Sensitivity สูง) ร่างกายจะเก็บสารอาหารไปสร้างกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น
- แต่ถ้าอินซูลินสูงตลอด (จากการกินน้ำตาล/แป้งขัดสีบ่อย) จะสะสมไขมันง่าย
🔥ฮอร์โมนหลักที่เกี่ยวข้องกับการลดไขมัน
1. Cortisol (คอร์ติซอล)
- ฮอร์โมนความเครียด ถ้าอยู่ในระดับพอดีช่วยกระตุ้นพลังงาน แต่ถ้าเรื้อรังสูงเกินไป → ทำให้ร่างกายเก็บไขมัน (โดยเฉพาะหน้าท้อง) และสลายกล้ามเนื้อ
- จัดการด้วยการพักผ่อนเพียงพอ ลดความเครียด และไม่ฝึกหนักเกินไป
2. Leptin (เลปติน)
- ฮอร์โมนความอิ่ม ส่งสัญญาณไปสมองว่าพลังงานพอแล้ว
- ถ้าร่างกายดื้อต่อเลปติน (Leptin Resistance) จะกินเกินความจำเป็นง่าย → ควบคุมด้วยการกินอาหารคุณภาพสูง ไม่กินแปรรูปมาก
3. Ghrelin (เกรลิน)
- ฮอร์โมนความหิว หลั่งสูงเมื่อร่างกายขาดพลังงาน หรืออดอาหารนานเกินไป
- การกินอาหารโปรตีนสูง ไฟเบอร์ และนอนหลับเพียงพอช่วยควบคุมได้
4. Adrenaline & Noradrenaline
- ฮอร์โมนที่หลั่งเวลาออกกำลังกาย หรืออยู่ในภาวะตื่นตัว → กระตุ้นการสลายไขมันมาใช้เป็นพลังงาน
⚖️การบาลานซ์ฮอร์โมนเพื่อฟิตเนส
- การนอนหลับ: ฮอร์โมน Anabolic (Testosterone, GH) หลั่งช่วงนอนลึก
- โภชนาการ: โปรตีนคุณภาพสูง + คาร์บเชิงซ้อน + ไขมันดี → ช่วยรักษาสมดุลอินซูลิน และเลปติน
- การจัดการความเครียด: ลด Cortisol เพื่อไม่ให้ขัดขวาง Muscle Gain และ Fat Loss
- การออกกำลังกาย: เวทเทรนนิ่ง → กระตุ้น Testosterone & GH และคาร์ดิโอแบบ HIIT → กระตุ้น Adrenaline, เพิ่มการเผาผลาญ
สมัครเทรนออนไลน์👇🏻
line: @bodyproject (มี@)
...
อย่าลืมมีความสุข และสนุกไปกับมันนะคะหวังว่าคลิปนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ นะคะ💕 ...
“กินโปรตีนเยอะ = กล้ามขึ้น?”
คำตอบคือ ไม่เสมอไป
สิ่งสำคัญคือ “ปริมาณที่พอดี” ร่างกายเราดูดซึมได้จำกัด โปรตีนที่มากเกินไปก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มกล้ามเสมอไป แถมยังเพิ่มภาระให้ไต เลือกกินโปรตีนจากหลายแหล่งให้ครบ ทั้งเนื้อสัตว์ ไข่ ปลา นม ถั่ว
โปรตีนไม่ใช่แค่เรื่องกล้าม
✅ช่วย ซ่อมแซม กล้ามเนื้อที่ฉีกขาดจากการฝึก
✅ส่งเสริมการ ฟื้นตัว หลังออกกำลังกาย
✅รักษา ความแข็งแรง-ประสิทธิภาพร่างกาย
ถ้าอยากเทรนแล้วได้ผลลัพธ์ดี ฟื้นตัวไว ควรกินโปรตีนให้พอทุกวัน เพราะการ “ไม่พอ” อาจทำให้กล้ามไม่ฟื้น หรือลดลงได้โดยไม่รู้ตัว
แล้วเราควรกินโปรตีน เท่าไหร่ต่อวัน?
ตามคำแนะนำโภชนาการของสหรัฐฯ:
0.7–1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์
เช่น หนัก 150 ปอนด์ (ประมาณ 68 กก.)
= ควรกินโปรตีน 105–150 กรัม/วัน
แต่ละคนใช้ไม่เท่ากัน ขึ้นกับเป้าหมาย (ลดไขมัน / เพิ่มกล้าม / ฟื้นตัว)
✅เลือกแหล่งโปรตีนที่หลากหลาย
✅แบ่งกินตลอดวัน ไม่ใช่รวบมื้อเดียว
รู้ปริมาณที่เหมาะสม ช่วยให้ฝึกแล้วเห็นผลชัดขึ้น
สมัครเทรนออนไลน์👇🏻
line: @bodyproject (มี@)
...
4 ท่าที่เน้นกล้ามเนื้อด้านหลัง (Posterior Chain) เพื่อเสริมความแข็งแรงของสะโพก, เอ็นร้อยหวาย, น่อง สำคัญมากในทางชัน⛰️ ...