Body Project Official

กิจกรรมการเพิ่มระบบเผาผลาญ

วันนี้ Body Project มาแชร์การเพิ่มระบบเผาผลาญในร่างกาย มีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมง

นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมง

การนอนไม่หลับส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้ นี่อาจจะเป็นผลมาจากการที่การขาดการนอนทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้แย่ลงค่ะ

นอกจากนี้การพักผ่อนไม่เพียงพอยังเกี่ยวข้องกับปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง และภาวะดื้ออินซูลินอีกด้วย ซึ่งทั้งสองนำไปสู่โรคเบาหวานได้ และมันยังช่วยเพิ่มฮอร์โมนความหิว หรือ Ghrelin และลดฮอร์โมนความอิ่ม Leptin นี่อาจจะอธิบายว่าทำไมคนที่นอนหลับไม่เพียงพอ หิวบ่อย มีปัญหาในการลดน้ำหนัก (กลุ่มคนที่มีภาวะเครียด ซึมเศร้าอาจจะได้รับผลกระทบนี้)

ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน

คนที่ดื่มน้ำเปล่าแทนการดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม มีโอกาสสูงในการลดน้ำหนัก และคงน้ำหนักนั้นไว้ได้ นั่นก็เพราะน้ำหวาน น้ำอัดลมจะมีปริมาณแคลอรี่สูงกว่า ฉะนั้นเมื่อคุณทานน้ำเปล่าแทนก็จะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ต่อวันลงทันทีค่ะ

นอกจากนี้การดื่มน้ำยังอาจจะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ด้วย งานวิจัยหนึ่งพบว่าการดื่มน้ำ 0.5 ลิตรหรือครึ่งลิตร ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญเมื่อหยุดนิ่งได้ถึง 10-30% เป็นเวลา 1 ชั่วโมง การเผาผลาญนี้ยิ่งมีผลมากขึ้นเมื่อคุณดื่มน้ำเย็น เนื่องมาจากร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการอุ่นน้ำเย็นให้เท่ากับอุณหภูมิของร่างกาย น้ำยังช่วยให้คุณอิ่ม โดยงานวิจัยหนึ่งพบว่าการดื่มน้ำครึ่งชั่วโมงก่อนอาหาร ทำให้คุณกินอาหารน้อยลง และงานวิจัยของคนที่มีน้ำหนักมากพบว่า คนที่ทานน้ำ 0.5 ลิตรก่อนอาหารลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มคนที่ไม่ทานมากถึง 44%

รักษาสมดุลพลังงาน โดยเน้นโปรตีน

การทานอาหารช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญชั่วขณะนึ่ง นี่เป็นผลของสิ่งที่เรียกว่า Thermic Effect of Food (TEF) เนื่องมาจากร่างกายต้องใช้แคลอรี่จำนวนหนึ่งในการย่อย ดูดซึม และใช้งานสารอาหารที่เราทานเข้าไปนั่นเอง

โปรตีนช่วยในการเร่ง TEF ให้สูงที่สุด โดยสามารถเร่งได้ถึง 15-30% ในขณะที่คาร์บอยู่ที่ 5-10% และไขมันอยู่ที่ 0-3% นอกจากนี้โปรตีนยังช่วยให้คุณอิ่ม และไม่ทำให้คุณกินมากเกินตัวหรือ Overeating

เน้น HIIT และ Strength Training

High-Intensity Interval Training (HIIT) คือการออกกำลังกายแบบเร่ง และหนักในช่วงเวลาสั้นๆ สลับไปมา เช่น วิ่งเร็ว 1 นาที วิ่งเหยาะ 2 นาทีสลับไปสลับมา โดยพบว่าการออกกำลังกายแบบนี้ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแม้ว่าร่างจะหยุดออกกำลังกายแล้วก็ตาม และยังช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี

Strength Training กล้ามเนื้อใช้พลังงานมากกว่าไขมัน และการสร้างกล้ามเนื้อก็ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญ นั่นหมายความว่าต่อวันคุณจะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น แม้ขณะนั่งเฉยๆ ก็ตาม และยังช่วยในการรักษากล้ามเนื้อ และช่วยป้องการลดลงของกระบวนการเผาผลาญที่มักจะเกิดกับคนที่ลดน้ำหนัก

เน้นเพิ่มกล้ามเนื้อไม่ใช่เพิ่มไขมัน

เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกับไขมันแล้ว มวลกล้ามเนื้อจะช่วยเผาผลาญพลังงานมากขึ้น แม้ในเวลาที่คุณไม่ได้ออกกำลังกาย ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากงานวิจัยที่ว่ากล้ามเนื้อ 10 ปอนด์สามารถเผาผลาญพลังงาน 50 แคลอรี่ต่อวัน ในขณะที่ไขมัน 10 ปอนด์สามารถเผาผลาญพลังงาน 20 แคลอรี่ ดังนั้นการมีกล้ามเนื้อมากจึงทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า และจะยิ่งเผาผลาญไขมันมากขึ้น

6 ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับฟิตเนส

วันนี้ Body Project มาแชร์ 6 ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับฟิตเนส มีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ
เล่นฟอร์มไม่ถูกต้อง

1. เล่นฟอร์มไม่ถูกต้อง

การที่คุณมีเบสิคที่ดีจะทำให้คุณพัฒนาไปได้ไกลค่ะ การเปลี่ยนแปลงรูปร่างต้องใช้เวลา การที่คุณใจร้อน อยากเปลี่ยนหุ่นเร็วๆ รีบยกหนักๆ หรือเล่นท่าที่แอดว๊านซ์ๆ โดยที่ไม่สนใจฟอร์ม ยังโฟกัสกล้ามเนื้อไม่ถูก การที่คุณใจร้อนก็มีโอกาสทำให้คุณบาดเจ็บได้ ทำให้ขาดความต่อเนื่องค่ะ สุดท้ายคุณก็ต้องกลับมาปรับเบสิคให้ดี แก้ฟอร์มให้ถูกต้อง มันจะดีกว่าไหมคะ ถ้าคุณใส่ใจความถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น ฟอร์มถูก แข็งแรงขึ้น คุณก็พัฒนาหุ่นได้เร็วค่ะ

ไม่วางแผนตารางออกกำลังกายและอาหาร

2. ไม่วางแผนตารางออกกำลังกายและอาหาร

หลายคนบ่นว่าออกกำลังกายมาตั้งนานทำไมหุ่นไม่เปลี่ยนก็เพราะว่าคุณขาดการวางแผนค่ะ หลายคนออกตามคลิปในยูทูป หลายคนกินตามไอดอลในอินสตาแกรม การทำแบบนั้นไม่ได้บอกว่ามันผิดอะไรค่ะ แต่ถ้าคุณคาดหวังให้มีพัฒนาการ คุณต้องมีการวางแผนที่ดีให้เหมาะสมกับเป้าหมาย และตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณค่ะ การที่คุณมีแผนที่ดีจะทำให้คุณสามารถวัดผลได้ แผนที่ดีย่อมได้ผลลัพธ์ที่ดีค่ะ

ไม่มีความเข้มข้นในการเล่นเวท

3. ไม่มีความเข้มข้นในการเล่นเวท

ไม่มีว่ายกเวทเบาๆ แล้วหุ่นลีน ยกเวทหนักๆ แล้วตัวใหญ่ค่ะ ไม่ว่าคุณจะมีเป้าหมายอะไรก็ตาม สร้างกล้ามหรือลดไขมัน คุณต้องฝึกเวทให้มีความหนัก ความเข้มข้นค่ะ ฟอร์มถูกจะไม่ทำให้คุณบาดเจ็บ แต่น้ำหนักที่มากพอจะทำให้คุณพัฒนาค่ะ

ไม่วอร์มอัพก่อนออกกำลังกาย

4. ไม่วอร์มอัพก่อนออกกำลังกาย

หลายคนพอเข้ายิมจับเหล็กแล้วยกเลย การวอร์มอัพเป็นการเตรียมความพร้อมร่างกาย เลี่ยงการบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย เพิ่ม Mobility ทำให้คุณเล่นได้ฟอร์มดีขึ้น โฟกัสกล้ามเนื้อได้ดีก็ส่งผลต่อการพัฒนาหุ่นของคุณค่ะ แนะนำวอร์มอัพแบบ Dynamic Stretching ก่อนออกกำลังกาย 10-15 นาที และหลังออกกำลังกายคูลดาวน์แบบ Static Stretching ยืดกล้ามเนื้อค่ะ

ไม่เล่นขา

5. ไม่เล่นขา

เชื่อว่าหลายคนเกลียดการเล่นขาเพราะมันเหนื่อย ทรมาน แต่การข้ามไม่เล่นขา ถือว่าเป็นความผิดพลาดมากๆ เพราะช่วงล่าง ขา ก้น เป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ การที่คุณเล่นขาก็ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมันได้ดี และเพิ่มความแข็งแรงทั้งตัวค่ะ การที่มีช่วงล่างที่แข็งแรงก็ส่งผลให้คุณออกกำลังกายได้ดี เพราะพละกำลังต่างๆ จะถูกส่งต่อมาจากขา และแกนกลางลำตัวค่ะ เมื่อคุณสามารถเรียกพละกำลังเหล่านั้นมาใช้ได้อย่างถูกจุด มันจึงเหมือนคุณมีตัวช่วยในการยกเวทได้หนักค่ะ

ผัดวันประกันพรุ่ง

6. ผัดวันประกันพรุ่ง

หลายคนคาดหวังว่าสมัครยิมแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลง มีเทรนเนอร์แล้วจะหุ่นดีขึ้น ซึ่งต่อให้คุณจ้างเทรนเนอร์ที่เก่งที่สุด มีโปรแกรมที่ดีสุด ผลลัพธ์จะไม่ดีขึ้นถ้าคุณผัดวันประกันพรุ่งค่ะ การจะมีรูปร่างที่ดีได้ คุณต้องมีวินัยที่ดี ซึ่งวินัยต้องสร้างขึ้นมาค่ะ วินัยคือการลงมือทำทุกวัน สม่ำเสมอ ทำแม้ในวันที่ไม่อยากทำ เพราะถ้าคุณทำตามอารมณ์ตัวเอง คุณก็จะขาดความต่อเนื่อง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ทำทุกวันให้ดี เพราะหุ่นคุณจะเป็นยังไงก็อยู่ที่การกระทำในปัจจุบันของคุณค่ะ