Body Project Official

โปรตีนแค่ไหนถึงจะพอ?

กินโปรตีนเยอะ = กล้ามขึ้น? คำตอบคือ ไม่เสมอไป
สิ่งสำคัญคือ “ปริมาณที่พอดี” ร่างกายเราดูดซึมได้จำกัด โปรตีนที่มากเกินไปก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มกล้ามเสมอไป แถมยังเพิ่มภาระให้ไต เลือกกินโปรตีนจากหลายแหล่งให้ครบ ทั้งเนื้อสัตว์ ไข่ ปลา นม ถั่ว
โปรตีนช่วยในเรื่อง
1. ช่วย ซ่อมแซม กล้ามเนื้อที่ฉีกขาดจากการฝึก
2. ส่งเสริมการ ฟื้นตัว หลังออกกำลังกาย
3. รักษา ความแข็งแรง-ประสิทธิภาพร่างกาย
ถ้าอยากเทรนแล้วได้ผลลัพธ์ดี ฟื้นตัวไว ควรกินโปรตีนให้พอทุกวัน เพราะการ “ไม่พอ” อาจทำให้กล้ามไม่ฟื้น หรือลดลงได้โดยไม่รู้ตัว
แล้วเราควรกินโปรตีน เท่าไหร่ต่อวัน?
ตามคำแนะนำโภชนาการของสหรัฐฯ:
0.7–1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์
เช่น หนัก 150 ปอนด์ (ประมาณ 68 กก.)
= ควรกินโปรตีน 105–150 กรัม/วัน
 
แต่ละคนใช้ไม่เท่ากัน ขึ้นกับเป้าหมาย (ลดไขมัน / เพิ่มกล้าม / ฟื้นตัว)
– เลือกแหล่งโปรตีนที่หลากหลาย
– แบ่งกินตลอดวัน ไม่ใช่รวบมื้อเดียว
รู้ปริมาณที่เหมาะสม ช่วยให้ฝึกแล้วเห็นผลชัดขึ้น

ฮอร์โมนที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้นและผลกระทบต่อร่างกาย

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านฮอร์โมนหลายชนิด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ ร่างกาย และจิตใจ โดยเฉพาะช่วงอายุ 30–40 ปีขึ้นไป จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดขึ้น โดยฮอร์โมนที่ลดลงหลักๆ
 
ผลรวมของการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน
– น้ำหนักเพิ่มง่าย / กล้ามเนื้อลด
– นอนไม่หลับ / อ่อนเพลีย
– ผิวแห้ง ริ้วรอย
– สมรรถภาพทางเพศลดลง
– อารมณ์แปรปรวน เครียดง่าย
– ความจำลดลง
 
แนวทางรับมือแบบธรรมชาติ
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (เน้นเวทเทรนนิ่ง + คาร์ดิโอ)
– นอนให้พอคุณภาพดี (ช่วยกระตุ้น GH และ Melatonin)
– โภชนาการที่สมดุล (เพิ่มโปรตีน ไขมันดี คุมคาร์บ)
– ลดเครียด (เครียดมากจะยิ่งลดฮอร์โมนดี และเพิ่ม Cortisol)
เสริมอาหาร (วิตามิน D, Zinc, Magnesium, Omega-3)
– ปรึกษาแพทย์ หากต้องการพิจารณา Bio-identical Hormone Replacement

การหายใจให้ถูกต้องขณะยกน้ำหนักที่หนักมาก

การหายใจที่ถูกต้องในการยกเวทหนัก คือ
1. สูดลมหายใจลึกเข้า “ลงท้อง”
2. กลั้นหายใจระหว่างยก (เรียกว่า Valsalva Maneuver)
3. ดันแรงดันไปที่รอบลำตัว (ท้อง ด้านข้าง หลังล่าง)
4. ปล่อยลมหายใจเมื่อผ่านช่วงที่ยากที่สุดของการยก

เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงของแกนกลางลำตัว (Core Stability) ลดความเสี่ยงบาดเจ็บ โดยเฉพาะช่วง Deadlift, Squat หรือ Overhead press

9 ความเชื่อผิดๆเรื่องโภชนาการที่คุณอาจยังไม่รู้

9 ความเชื่อผิดๆ เรื่องโภชนาการที่คุณอาจยังไม่รู้
❌กินคาร์บแล้วอ้วน
✅จริงๆ แล้ว “พลังงานเกิน” ต่างหากที่ทำให้อ้วน
คาร์บดี = ข้าวกล้อง มันม่วง ขนมปังโฮลวีต
 
❌กินมื้อเย็นแล้วอ้วน
✅จริง = กินเยอะเกินพลังงานทั้งวันถึงอ้วน
เวลาไม่สำคัญเท่าปริมาณรวม
 
❌งดไขมัน = ลดไขมัน
✅ไขมันดีช่วยฮอร์โมน สมอง ระบบดูดซึม
เลือกกินไขมันดี เช่น อะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก
 
❌กินโปรตีนเยอะไตจะพัง
✅ถ้าสุขภาพดี ไม่มีโรคไต กินได้
ดื่มน้ำพอ และเช็คสุขภาพสม่ำเสมอ
 
❌ดีท็อกซ์ = ล้างสารพิษ
✅ร่างกายดีท็อกซ์ได้เองอยู่แล้ว (ตับ+ไต)
น้ำดีท็อกซ์ = แค่มีไฟเบอร์ ไม่ได้ล้างพิษแบบโฆษณา
 
❌หิว = ต้องกิน
✅หิวจริง หรือแค่เบื่อ/เครียด?
ฟังร่างกายก่อนกิน
 
❌วิตามินเสริม = สุขภาพดีขึ้น
✅ถ้ากินอาหารหลากหลาย อาจไม่จำเป็นต้องเสริม
บางตัวสะสมจนเป็นพิษได้ (A, E, D)
 
❌ผลไม้กินเท่าไรก็ได้
✅ผลไม้มีน้ำตาลฟรุกโตส กินมากเกิน = น้ำตาลเกิน
กินพอดี 2-3 ส่วน/วัน
 
❌ลดน้ำหนัก = ต้องอดอาหาร
✅วิธีที่ยั่งยืนคือ “คุมแคล + เพิ่มกิจกรรม”
อย่าลืมโปรตีนเพื่อรักษากล้ามเนื้อ
 
เข้าใจผิดมาตลอดหรือเปล่า? แชร์ให้คนรอบตัวรู้

ความเข้าใจผิดของมือใหม่ที่ควรแก้ไข

❌ความเชื่อผิด: คนที่ไม่เคยออกกำลังกาย ไม่ควร “เริ่มที่เวท” โดยไม่มีพื้นฐาน
✅ความจริง: ต้องฝึก movement ให้ถูกก่อน ไม่ใช่แค่เล่นเวท
หลายคนมักคิดว่า “การออกกำลังกาย = ยกเวทหนักๆ“ แต่ถ้าคุณ ยังยืนไม่มั่นคง / เข่างอผิดมุม / หลังค่อม แล้วไปยกเวททันที = เสี่ยงบาดเจ็บสูงคุณต้อง ฝึก pattern เช่น squat, hinge, push, pull ด้วยน้ำหนักตัว (bodyweight) ให้ “ถูกและควบคุมได้” ก่อนถึงค่อยเอาเวทเข้าเสริมภายหลัง
 
❌ความเชื่อผิด: ต้องเล่นให้เหนื่อยถึงจะได้ผล
✅ความจริง: ถ้า form พัง ร่างกายจะจำผิด → พัฒนาได้ช้าหรือเจ็บ
หลายคนเล่นให้เหนื่อยสุดๆ จนท่าเสีย เช่น เข่าถลำ, หลังแอ่น, คอเกร็ง แบบนี้ร่างกายจะ จดจำ pattern ที่ผิด พอเล่นต่อไปจะยิ่งติดนิสัยเคลื่อนไหวพลาด → เสี่ยงเจ็บเรื้อรัง
 
❌ความเชื่อผิด: ยิ่งท่ายาก ยิ่งดี
✅ความจริง: ท่าพื้นฐาน = foundation แข็งแรงก่อนถึงไป advance ได้
มือใหม่ชอบกระโดดไปทำท่ายากๆ เช่น jump lunge, snatch, burpee โดยที่ท่า squat ยังไม่ถูกเลย แบบนี้ไม่ได้ผล แถมใช้ compensating muscle (กล้ามเนื้อที่ไม่ใช่ตัวหลัก) แทน พื้นฐานอย่าง bodyweight squat, hip hinge, wall push-up สำคัญมาก เพราะสร้าง “แกนการเคลื่อนไหว” ที่ดี
 
❌ความเชื่อผิด: จะเล่นต้องมีอุปกรณ์ครบ
✅ความจริง: แค่มี bodyweight ก็เริ่มได้
มือใหม่บางคนรอซื้ออุปกรณ์ก่อนถึงจะเริ่มฝึก จริงๆ แล้ว ร่างกายคือน้ำหนักที่ดีที่สุดอยู่แล้ว อย่าง Squat, Hinge, Push-up, Lunge, Plank , Crunch สามารถฝึกได้ทุกที่

สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด

แค่เหนื่อย ไม่ได้แปลว่ากล้ามจะโต
กล้ามเนื้อโตได้จาก “ความต่อเนื่อง” และ “การเพิ่มความท้าทาย” ไม่ใช่แค่ทำให้เหนื่อย หรือเหงื่อออก การออกกำลังกายที่หนักมากๆ ไม่ได้แปลว่าร่างกายจะพัฒนาเสมอไปนะคะ คุณต้องโฟกัสไปที่การเพิ่มแรงต้านทีละนิดอย่างมีแบบแผน เช่น เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มจำนวนครั้ง หรือควบคุมฟอร์มให้ดีขึ้นในแต่ละสัปดาห์ แบบนี้ที่ทำให้กล้ามโตจริง และยั่งยืนค่ะ