Body Project Official

สาเหตุที่กล้ามไม่ขึ้น

ใครที่กลัวกล้ามใหญ่บอกเลยว่ากล้ามเนื้อไม่ได้สร้างง่ายขนาดนั้น สาเหตุที่ทำให้กล้ามไม่ขึ้นมีหลายปัจจัยมาก Body Project จะสรุปมาให้เพื่อนๆ เข้าใจง่ายๆ

1. กินโปรตีนไม่เพียงพอ

แน่นอนว่าโปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อเสริมสร้าง และซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ต่อให้คุณยกเวทนักแค่ไหนแต่ถ้าคุณกินโปรตีนไม่เพียง กล้ามก็ไม่ขึ้นค่ะ

2. เวทไม่หนักพอ

หลายคนออกกำลังกายแต่ตัวเหลว ไม่กระชับ การยกเวทไม่ใช่แค่ไปยกดัมเบลหรือกับอุปกรณ์อะไรก็ตาม ยกในจำนวนครั้งที่น้อย น้ำหนักที่น้อย ความเข้มข้นน้อยก็ไม่ก่อให้เกิดกล้ามที่โตขึ้น เพราะถ้าคุณเวทแล้วรู้สึกสบาย ไม่หนักเลยก็ไม่แปลกที่หุ่นเราจะไม่เปลี่ยนเลยค่ะ

3. กินแคลอรี่น้อยเกินไป

ให้ลองนึกว่าคุณจะสร้างบ้าน (กล้ามเนื้อ) บ้านจะต้องมีวัสดุ อิฐ ปูน ไม้ เหล็ก แต่มีไม่เพียงพอ แม้คุณจะวางแผนโปรแกรมมาอย่างดี แต่ก็สร้างบ้านไม่ได้ เพราะคุณกินน้อยเกินไป ร่างกายขาดสารอาหาร และมีโอกาสจะสูญเสียกล้ามเนื้อด้วยค่ะ

4. เครียดมากเกินไป

ไม่ว่าคุณจะเครียดทางกายหรือทางใจ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Cortisal ซึ่งฮอร์โมนเครียดมีผลกับการสะสมไขมันที่พุงมากขึ้น และพบว่ากระตุ้นการสลายโปรตีนกล้ามเนื้อ เมื่อร่างกายอดอาหารกินน้อย คาร์ดิโอหักโหมจะทำให้ระดับฮอร์โมนเพิ่มขึ้นค่ะ

5. คาร์ดิโอมากเกินไป

ลดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ คุณต้องโฟกัสที่การสร้างกล้ามก็คือ เพิ่มการยกเวท ไม่ใช่ทำคาร์ดิโอเยอะๆ ทำคาร์ดิโอนานๆ ลดเวลาคาร์ดิโอแล้วไปเพิ่ม Strength Training ค่ะ

6. นอนไม่เพียงพอ

ข้อนี้สำคัญมาก ในขณะที่คุณนอนหลับพักผ่อน ร่างกายซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย มีผลงานวิจัยชี้ว่าคนที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อค่ะ

วิธีการหลีกเลี่ยงการสูญเสียกล้ามเนื้อ

ระยะเวลาเฉลี่ยก่อนการสูญเสียกล้ามเนื้อคือ 2-3 สัปดาห์ และสามารถรักษาความแข็งแรงได้นานถึง 4 สัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มลดลง แต่สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นหรือฝึกซ้อมได้เพียงเล็กน้อย คุณจะไม่รู้สึกเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่

หยุดซ้อมไปแล้วจะเป็นยังไง?
จุดที่การสูญเสียกล้ามเนื้อเกิดขึ้นคือ ขาดการฝึกซ้อม ไม่ได้เวทเป็นเวลา 3-8 สัปดาห์ และกินโปรตีนน้อย ทำให้เกิดการสูญเสียกล้ามเนื้อ และถ้าคุณไม่ได้คุมแคลอรี่อาหารให้ดี กินอาหารไม่ดีก็จะสะสมไขมันมากขึ้นด้วย

2 วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อคือ การรักษาปริมาณโปรตีนให้เพียงพอ และคุมแคลอรี่อาหารให้น้อยกว่าที่ใช้ เลือกกินแต่ของที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายที่บ้าน ฝึกซ้อมให้ได้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ Body Project แนะนำว่าซื้ออุปกรณ์ชุดดัมเบล ชุดยางยึด ติดไว้ที่บ้านจะช่วยเพิ่มแรงต้านในการฝึกค่ะ

REPS ต่ำ VS REPS สูง

⁣คุณควรฝึกทั้งคู่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลลัพธ์โดยรวมของกล้ามเนื้อให้ดีที่สุด

ในการเริ่มต้นการฝึกจำนวนครั้งน้อย น้ำหนักที่หนักมาก เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง การฝึกแบบนี้เมื่อมองภาพให้ง่ายขึ้นก็คือ การที่คุณกำลังเคลื่อนย้ายของหนัก ซึ่งการย้ายของหนักๆ ทำจำนวนครั้งลดลง นี่คือวิธีที่คุณแข็งแกร่งขึ้น ในการทำเช่นนั้นคุณกระตุ้นเส้นใยกล้ามเนื้อประเภท 2 (กระตุกเร็ว) ซึ่งใช้เพื่อสร้างพลังงานสั้นๆ เส้นใยกล้ามเนื้อเหล่านี้ยิงเร็วกว่าเส้นใยกล้ามเนื้อประเภท 1 (กระตุกช้า)

ในทางกลับกันการฝึกจำนวนครั้งมาก (15+) น้ำหนักเบาเหมาะสำหรับการฝึกความอดทน การฝึกความอดทนคือ การอดทนต่อการทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง การฝึกความอดทนจะกระตุ้นเส้นใยกล้ามเนื้อประเภท 1 (กระตุกช้า) ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าในการใช้ออกซิเจน เพื่อสร้างเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง (ATP) การฝึกที่มีจำนวนครั้งมากยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และการสะสมของกรดแลคติก ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการเติบโตของกล้ามเนื้อ สิ่งนี้ทำได้ดีที่สุดกับการออกแบบแยกส่วน ซึ่งทำให้คุณโฟกัสกล้ามเนื้อกลุ่มนั้นได้ดี

ผสมผสานทั้งสองอย่างอย่างที่คุณเห็นทั้งการฝึกจำนวนครั้งมาก และน้อย มีบทบาทสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ Body Project แนะนำ 75% ของการฝึกของคุณมาจาก Low reps ที่ต่ำกว่า (<15) และ 25% มาจาก High reps มากกว่า (15+) เพราะคุณจะได้ความแข็งแรง และรูปร่างที่ดีค่ะ

เหตุผลที่คุณต้องเข้ายิม

เหตุผลที่คุณต้องเข้ายิม
1. ร่างกายแข็งแรงขึ้น การเข้ายิมมีอุปกรณ์หลากหลาย ช่วยฝึกให้กล้ามเนื้อ มีความต้านทาน การฝึกน้ำหนักหนักขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงขึ้นค่ะ

2. กล้ามเนื้อคมชัด/รูปร่างดีขึ้น แน่นอนว่าการที่คุณเข้ายิมอุปกรณ์หลากหลาย และสามารถฝึกน้ำหนักได้หนัก ทำให้ร่างกายพัฒนาขึ้น มีกล้ามเนื้อมากขึ้น ช่วยทำให้มีรูปร่างดี ได้สัดส่วน กระชับ จึงทำให้มีบุคลิกภาพที่ดีค่ะ

3. ลดไขมัน/ลดน้ำหนัก การออกกำลังกายอย่างที่รู้ๆ กันว่าช่วยลดไขมันในร่างกาย ทำให้การเผาผลาญพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น การออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งควบคู่คาร์ดิโอ ทำให้ลดไขมันชนิดเลว LDL ในร่างกายที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายต่างๆ ได้ดี เช่น โรคหัวใจ เป็นต้น นอกจากช่วยลดไขมันก็ไม่เสี่ยงกับเป็นโรคต่างๆ ด้วยค่ะ

4. เพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ การเล่นบอดี้เวทที่บ้าน เล่นอุปกรณ์ที่บ้านน้ำหนักเดิมซ้ำๆ ร่างกายจนคุ้นชินกับน้ำหนักก็ไม่เกิดการพัฒนา การเข้ายิมสามารถเล่นได้หลากหลายท่า และเพิ่มน้ำหนักที่ฝึกได้ อยากมีกล้ามเนื้อที่สวยงาม คุณต้องมี Progressive Overload เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้มีขนาดเพิ่มขึ้น แข็งแรงขึ้น คุณก็จะได้หุ่นตามเป้าหมายค่ะ

ความเสียใจที่สุดเมื่ออายุมากขึ้น

ความเสียใจที่สุดเมื่ออายุมากขึ้น
– ไม่ได้เริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งเป้าหมายในอาชีพแต่ละคนต่างกัน อันนี้ก็แล้วแต่เส้นทาง
– ร่างกายไม่แข็งแรง เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายทรุดโทรมลงทุกวัน สุขภาพจึงสำคัญมากๆ
– ไม่เก็บออมเพื่อการเกษียณ การวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญมาก
– ไม่ลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ กระจายการลงทุนไว้ เพื่อที่จะได้มีรายได้จากหลายช่องทาง
– ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว ครอบครัวคือบ้าน อย่าทำงานจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว ก่อนที่มันจะสายไปนะคะ
– ไม่เป็นตัวของตัวเอง หลายครั้งที่พยายามเป็นคนที่คนอื่นอยากให้เป็น จนไม่เป็นตัวเอง สุดท้ายทำให้ตัวเราไม่มีความสุขในชีวิต

หลักการลดไขมันแบบปิรามิด

หลายๆ คนอาจจะเข้าใจว่าทำคาร์ดิโอเป็นการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง และรวดเร็วที่สุด แต่จริงๆ แล้วการลดไขมันที่ถูกต้อง คุณต้องดูแลโภชนาการอาหารให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม นี่เป็นกฎธรรมชาติที่ทุกคนหนีไม่ได้ การจะลดไขมันคุณต้องได้รับพลังงานจากอาหารน้อยกว่าพลังงานที่ใช้แต่ละวัน ร่างกายจะดึงไขมันสะสมเก่าๆ ออกมาใช้

ในช่วงที่ลดน้ำหนักโปรตีนเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ ไม่ให้คุณสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ และออกกำลังกายรูปแบบเวทเทรนนิ่ง เป็นการฝึกกล้ามเนื้อที่อาศัยแรงของน้ำหนักจากอุปกรณ์ต่างๆ ในการเพิ่มแรงต้านทาน การที่คุณเล่นเวทเทรนนิ่งจะช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ กระชับกล้ามเนื้อ หุ่นเฟิร์ม ลดไขมันแต่ตัวไม่ย้วย ยิ่งมีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้นระบบเผาผลาญก็มากขึ้น ทำให้ลดไขมันได้ดีขึ้น ลดได้แบบยั่งยืน ไม่โยโย่

ถ้าคุณทำทุกอย่างดีแล้ว การนอนหลับพักผ่อนเพียงพอช่วยให้ลดไขมันได้ดี เพราะขณะนอนหลับร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ในร่างกาย สุดท้ายทำคาร์ดิโอสม่ำเสมอ เพราะการทำคาร์ดิโอช่วยบริหารให้หัวใจ และปอดแข็งแรงขึ้น สุขภาพดีขึ้น และช่วยลดไขมันในร่างกายค่ะ

แค่เปลี่ยนการกิน หุ่นก็เปลี่ยน

เมื่อกินอาหารร่างกายก็จะย่อยอาหารเพื่อนำสารอาหารมาใช้ซ่อมแซม ฟื้นฟู ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต และเปลี่ยนพลังงานจากอาหารมาเก็บสำรองไว้ในร่างกายในรูปของไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ และไขมัน ซึ่งจะสะสมไว้ที่ตับ กล้ามเนื้อ และชั้นไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานไว้ใช้เพียงพอ

แค่เปลี่ยนการกิน เลือกกินมื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพ กินอาหารให้ได้พลังงาน และสารอาหารเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ และได้สารอาหารครบถ้วนหลากหลาย ทั้งโปรตีน (เลือกแหล่งโปรตีนที่ไขมันต่ำ ย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา อกไก่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ) คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชเต็มเมล็ด) และไขมันชนิดดี (น้ำมันที่ไขมันอิ่มตัวต่ำ ,อัลมอนด์ ,อะโวคาโด ,น้ำมันมะกอก) เลือกกินผักผลไม้ให้ครบทุกสีหมุนเวียนกันไป (เพื่อให้ได้ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ) แต่ก็ต้องระวังการกินผลไม้ที่มีรสหวานจัด เพื่อเลี่ยงน้ำตาลแฝงในผลไม้ และสำคัญในการเลือกวิธีปรุงอาหารคือ เน้นวิธีการต้ม นึ่ง อบ ย่างจะดีที่สุด เพราะแคลอรี่ต่ำจะได้ไม่อ้วน

ข้อห้ามถ้าไม่อยากอ้วนขึ้น ควรเลี่ยงอาหารผัด อาหารทอดต่างๆ โดยเฉพาะอาหารที่ทอดน้ำมันท่วมๆ ตามแนวทางสายคลีน คือ การไม่ปรุงรสอาหารเลยจะดีที่สุดหรือหากจะปรุงรสก็ใช้น้ำมัน น้ำตาล เกลือ ให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ และงดกินของที่ทำให้อ้วน เช่น junkfood ,ขนมหวาน เค้ก เบเกอรี่ น้ำหวานต่างๆ เป็นต้น การกินคลีนในแบบวิถีที่ถูกต้อง ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพแน่นอน และยังช่วยในเรื่องควบคุมน้ำหนักได้ด้วยค่ะ